วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555


แบบฝึกหัดเรื่อง สื่อมวลชนเพื่อการศึกษา
1. สื่อมวลชนเพื่อการศึกษามีกี่ประเภทอะไรบ้าง
    ตอบ สื่อมวลชนมี 6 ประเภท คือ...
           1. สิ่งพิมพ์ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร หนังสือ และสิ่งตีพิมพ์ประเภทอื่นๆ
     2. ภาพยนตร์ ทั้งภาพยนตร์เรื่อง ภาพยนตร์สารคดี และภาพยนตร์ทางการศึกษาบางประเภท
     3. วิทยุกระจายเสียง ได้แก่วิทยุที่ส่งรายการออกอากาศ ทั้งระบบ AM และ FM รวมไปถึงระบบเสียงตามสาย
          4. วิทยุโทรทัศน์ เป็นสื่อทางภาพและทางเสียงที่เผยแพร่ออกไป ทั้งประเภทออกอากาศและส่งตามสาย
       
          5. สื่อสารโทรคมนาคม เป็นผลจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี มีการส่งข้อความ เสียง ภาพ ตัวพิมพ์ สัญลักษณ์ต่างๆ ได้หลากหลาย ครอบคลุมกิจการสื่อสารผ่านดาวเทียม โทรภาพ โทรพิมพ์

          6. สื่อวัสดุบันทึก ได้แก่เทปบันทึกเสียง เทปบันทึกภาพ แผ่นบันทึกเสียง แผ่นบันทึกภาพ ซึ่งกลายเป็นสื่อมวลชน เพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้สามารถผลิตเผยแพร่ได้มากและรวดเร็ว

2. คุณค่าของสื่อมวลชนเพื่อการศึกษามีอะไรบ้าง จงอธิบาย

    ตอบ 1. สื่อมวลชนสามารถกระจายความรู้ข่าวสารไปสู่ผู้ฟังได้เป็นจำนวนมากพร้อมกันได้ 
           2. สามารถขยายโอกาสทางการศึกษา หรือเป็นการเพิ่มช่องทางทางการศึกษามากขึ้น 
           3. ใช้จัดการศึกษาในรูปแบบที่สามารถกระจายความรู้ไปสู่ประชาชนทั่วทุกแห่งหนได้
           4. สื่อมวลชน เปิดโอกาสให้นำรายการสอนจากผู้สอนที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ไปสู้ห้องเรียนตลอดจนถึงชุมชนบ้านเรือนได้อย่างกว้างขวาง

3. ให้นิสิตยกตัวอย่างสื่อมวลชนเพื่อการศึกษามา 1 รายการ พร้อมอธิบายประโบชน์ของรายการนั้น

    ตอบ รายการกบนอกกะลา ทางช่อง 9 เป็นรายการที่นำเสนอความรู้ที่หลากหลายและน่าสนใจมาก มีประโยชน์ต่อการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมตามสาระที่รายการนำเสนอแต่ละตอน และสาระที่ได้จากรายการนี้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ นวัตกรรมใหม่ๆ  สิ่งแวดล้อม สังคมทั่วไป ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ทันสมัย ใกล้ตัวและสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ และยังสามารถรับชมได้ทุกเพศทุกวัยด้วย
 
แบบฝึกหัดเรื่อง โทรคมนาคมเพื่อการศึกษา


1. โทรคมนาคมหมายถึงอะไร และมีประโยชน์ทางการศึกษาอย่างไร

    ตอบ โทรคมนาคม หมายถึง การส่งสารสนเทศในรูปแบบของตัวอักษร ภาพ เสียงโดยใช้กระบวนการที่หลากหลาย เช่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้า หรือเคเบิลใยแก้วนำแสง ดาวเทียม เป็นต้น ไปยังผู้รับสาร ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการศึกษาได้ โดย อาจใช้เพื่อจัดรูปแบบ หรือสร้างสื่อทางการศึกษาในรูปแบบต่างๆ หรือใช้เพื่อขยายโอกาศทางการให้ทั่วถึงมากขึ้น

2. การใช้ Facebook เป็นโทรคมนาคมเพื่อการศึกษาหรือไม่ ถ้าเป็น จงยกตัวอย่างประโยชน์ของ Facebook

    ตอบ ดิฉันคิดว่า Facebook เป็นโทรคมนาคมเพื่อการศึกษาอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างประโยชน์ของ Facebook เช่น ใช่ติดต่อ และส่งข้อมูลในการเรียนการสอนระหว่างครูกับนักเรียน หรือระหว่างเพื่อนกันได้

3. นิสิตสามารถรับชมโทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมได้ด้วยวิธีทางใดบ้าง

    ตอบ 1. ระบบ DSTV เป็นระบบ โทรทัศน์ผ่านจานรับสัญญาณ ดาวเทียม ในย่านความถี่ KU-Band

             2. ระบบ CATV เป็นระบบ โทรทัศน์ผ่านสายเคเบิล ซึ่งสามารถรับชมได้ ในเขตของกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดปริมณฑล แต่สามารถรับชมรายการได้เพียง 7 ช่อง

4. ประโยชน์ของโทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมมีอะไรบ้าง จงอธิบาย

    ตอบ สามารถให้ความรู้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนครู หรือให้ความรู้ในวิชาที่มีเนื้อหาค่อนข้างยากแก่ผู้เรียนได้ และยังให้ข้อมูล ข่าวสาร และทักษะ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วไปด้วย

5. นิสิตรับชมรายการจาก http://www.youtube.com/watch?v=OvUsY7oTEQc และจงอธิบายถึงประวัติความเป็นมาของสถานีโทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมไทยคม

    ตอบ สถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ Distance learning Television (DLTV) ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปี โดยจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ถ่ายทอดสดหลักสูตรประถมศึกษา มัธยมศึกษา และสายวิชาชีพให้แก่โรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษา รวมทั้งการออกอากาศรายการภาคภาษาอังกฤษทางช่อง 81-95 (UBC) บริหารงานโดย มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ Distance learning foundation (DLF)

6. ให้นิสิต Post รูปภาพเกี่ยวกับโทรคมนาคมเพื่อการศึกษาลงใน Weblog




 การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม


  
การใช้ Facebook เป็นโทรคมนาคมเพื่อการศึกษา


วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ศึกษานอกสถานที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

ศึกษานอกสถานที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา


ในวันนี้ได้เข้าชมที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  มหาวิทยาลัยบูรพา ในภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา เป็นการเรียนที่ได้ความรู้มากมายและยังได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินในการเรียนนอกห้องเรียน โดยได้รับประสบการณ์ตรงและได้รับความรู้จากท่านวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ


ท่านวิทยากรได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งนี้ว่าได้รับการพัฒนามาจากพิพิธภัณฑ์สัตว์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม โดยความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งมีเนื้อที่ 30 ไร่ และได้มีจุดประสงค์ที่จะจัดตั้งเป็นศูนย์กลางของวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ภายในประกอบด้วย 3 ส่วน คือ สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล  และห้องปฏิบัติการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล

ส่วนที่ 1 : จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เกี่ยวกับพระราชกรณีกิจทางด้านการฟื้นฟู อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และด้านวิทยาศาสตร์การประมง


ส่วนที่ 2: สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม
    เป็นส่วนที่จัดแสดงเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลชนิดต่างๆที่อาศัยอยู่ในเขตน่านน้ำของไทย  โดยทรัพยากรที่ใช้ในการให้ความรู้คือ  สิ่งมีชีวิตในทะเลทั้งพืชและสัตว์ที่ยังมีชีวิตโดยสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะถูกเลี้ยงในระบบน้ำหมุนเวียนแบบปิดที่มีระบบยังชีพสำหรับให้สิ่งมีชีวิตต่างๆเหล่านี้สามารถดำรง ชีวิตอยู่ได้ ในแต่ละตู้มีการจัดสภาพให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด แต่ละตู้จะมีป้ายเพื่อบ่งบอกชนิดสัตว์ทะเลที่อยู่ในตู้ทั้งชื่อสามัญและชื่อทางวิทยาศาสตร์ 
การจัดแสดงในสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ได้แก่
1. สัตว์ที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำขึ้นน้ำลง 
2. ปลาในแนวปะการัง
3. การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 
4. สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังน้ำเค็ม
5. ปลาเศรษฐกิจ
6. ปลารูปร่างแปลกและปลามีพิษ
7. ปลาที่อาศัยในมหาสมุทร 

ส่วนที่ 3 : 
จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องราวของทะเล ระบบนิเวศ และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเล รวมทั้งความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ ดังมีรายละเอียดดังนี้


   1. นิทรรศการเรื่องราวของอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตในทะเล โดย ให้ความรู้ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆที่อาศัยอยู่ในทะเล คือ แพลงก์ตอนซึ่งมีบทบาทสำคัญของห่วงโซ่อาหารในทะเล สาหร่าย และหญ้าทะเล ฟองน้ำ สัตว์ที่มีโพรงลำตัว เช่น ปะการัง ดอกไม้ทะเล แมงกะพรุน เป็นต้น สัตว์จำพวกหนอนทะเล เช่น หนอนตัวแบนหนอนปล้อง หนอนริบบิ้น เป็นต้น สัตว์จำพวกหอย เช่น หอยฝาเดียว หอยฝาคู่ หมึก และหอยงวงช้าง เป็นต้น สัตว์ที่มีข้อปล้องในทะเล เช่น ปู กุ้ง กั้ง และแมงดาทะเล เป็นต้น สัตว์จำพวกคอร์เดทในทะเล เช่น เพรียงหัวหอม แอมฟิออกซัส และสัตว์ทะเลที่มีกระดูกสันหลัง ชนิดต่างๆ ได้แก่ ปลาทะเล โลมา พะยูน เต่าทะเล และจระเข้น้ำเค็ม รวมทั้งเรื่องราวของทะเล และสิ่งมีชีวิตในทะเลยุคดึกดำบรรพ์ เป็นต้น


   2. นิทรรศการเรื่องราวของทะเล และระบบนิเวศในทะเล ในส่วนนี้จะกล่าวถึงการแบ่งเขตของทะเล และระบบนิเวศต่างๆในทะเล รวมทั้งพืช และสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในแต่ละระบบนิเวศ โดยเริ่มตั้งแต่ ระบบนิเวศของป่าชายเลน ระบบนิเวศหาดหิน ระบบนิเวศหาดทราย และหาดโคลน ระบบนิเวศแนวปะการัง เป็นต้น 

               


   3. นิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เป็นส่วนที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เช่น เป็นแหล่งทำการประมงโดยใช้เครื่องมือประมงทะเล เช่น โป๊ะ และเรือประมงทะเลชนิดต่างๆ เป็นเส้นทางค้าขาย และเดินทางติดต่อกันของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งต้องพบกับอุปสรรคนานาประการจากคลื่น ลม และพายุ จนทำให้เรืออัปปางเกิดเป็นเรื่องราวของการขุดค้น และศึกษาโบราณคดีใต้น้ำเป็นต้น 
   4. ห้องพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย และวิวัฒนาการของหอย ในห้องนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับเปลือกหอยที่พบในทะเลกลุ่มต่างๆ ได้แก่ ลิ่นทะเล หอยฝาเดียว หอยฝาคู่ หอยงวงช้าง และหอยงาช้าง เป็นต้น รวมทั้งนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับหอยแต่ละกลุ่ม วิวัฒนาการของหอยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และการแบ่งกลุ่มของหอยที่มีอยู่ในโลก


ขอบขอบคุณท่านวิทยากรและท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง ที่ได้ให้โอกาสนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาอังกฤษ ได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในทะเล ระบบนิเวศน์ต่าง ๆ ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใกล้ตัวเรา และได้รับประสบการณ์ตรงอย่างแท้จริง



ข้อ 1 ห้นิสิตเขียนสื่อตามประสบการณ์การเรียนรู้ ของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ว่ามีสื่ออะไรบ้างและแต่ละสื่อมีการนำเสนออะไร

-ตู้อันตรทัศน์ จำลองระบบนิเวศใต้ท้องทะเล
-กระบะทราย จำลองระบบนิเวศน้ำตื้น
-นิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตในทะเล รวมทั้งความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์
-โทรทัศน์ แสดงวีดิโอชีวิตการเป็นอยู่ของสัตว์น้ำ
-หุ่นจำลอง แสดงลักษณะรูปร่างของสัตว์ เช่น โครงร่างกระดูกของไดโนเสาร์ เป็นต้น

ข้อ 2 ให้นิสิตอธิบายหลักและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับงานด้านเทคโนโลยีการศึกษาที่นำมาใช้ในสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล 

การจำลองระบบนิเวศใต้ท้องทะเลไว้ในตู้อันตรทัศน์
-มีการใช้เทคโนโลยีในการตรวจวัดคุณภาพน้ำ
-มีการให้เทคโนโลยีในการหมุนเวียนน้ำเพื่อรักษาความสะอาดของระบบนิเวศภายในตู้

ข้อ 3 ให้นิสิตเขียนผังความคิดที่ได้จากการทัศนศึกษา ณ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล

   1. นิทรรศการเรื่องราวของอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตในทะเล โดย ให้ความรู้ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆที่อาศัยอยู่ในทะเล คือ แพลงก์ตอนซึ่งมีบทบาทสำคัญของห่วงโซ่อาหารในทะเล สาหร่าย และหญ้าทะเล ฟองน้ำ สัตว์ที่มีโพรงลำตัว เช่น ปะการัง ดอกไม้ทะเล แมงกะพรุน เป็นต้น สัตว์จำพวกหนอนทะเล เช่น หนอนตัวแบนหนอนปล้อง หนอนริบบิ้น เป็นต้น สัตว์จำพวกหอย เช่น หอยฝาเดียว หอยฝาคู่ หมึก และหอยงวงช้าง เป็นต้น สัตว์ที่มีข้อปล้องในทะเล เช่น ปู กุ้ง กั้ง และแมงดาทะเล เป็นต้น สัตว์จำพวกคอร์เดทในทะเล เช่น เพรียงหัวหอม แอมฟิออกซัส และสัตว์ทะเลที่มีกระดูกสันหลัง ชนิดต่างๆ ได้แก่ ปลาทะเล โลมา พะยูน เต่าทะเล และจระเข้น้ำเค็ม รวมทั้งเรื่องราวของทะเล และสิ่งมีชีวิตในทะเลยุคดึกดำบรรพ์ เป็นต้น
   2. นิทรรศการเรื่องราวของทะเล และระบบนิเวศในทะเล ในส่วนนี้จะกล่าวถึงการแบ่งเขตของทะเล และระบบนิเวศต่างๆในทะเล รวมทั้งพืช และสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในแต่ละระบบนิเวศ โดยเริ่มตั้งแต่ ระบบนิเวศของป่าชายเลน ระบบนิเวศหาดหิน ระบบนิเวศหาดทราย และหาดโคลน ระบบนิเวศแนวปะการัง เป็นต้น 
   3. นิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เป็นส่วนที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เช่น เป็นแหล่งทำการประมงโดยใช้เครื่องมือประมงทะเล เช่น โป๊ะ และเรือประมงทะเลชนิดต่างๆ เป็นเส้นทางค้าขาย และเดินทางติดต่อกันของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งต้องพบกับอุปสรรคนานาประการจากคลื่น ลม และพายุ จนทำให้เรืออัปปางเกิดเป็นเรื่องราวของการขุดค้น และศึกษาโบราณคดีใต้น้ำเป็นต้น 
   4. ห้องพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย และวิวัฒนาการของหอย ในห้องนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับเปลือกหอยที่พบในทะเลกลุ่มต่างๆ ได้แก่ ลิ่นทะเล หอยฝาเดียว หอยฝาคู่ หอยงวงช้าง และหอยงาช้าง เป็นต้น รวมทั้งนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับหอยแต่ละกลุ่ม วิวัฒนาการของหอยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และการแบ่งกลุ่มของหอยที่มีอยู่ในโลก

ข้อ 4 ให้นิสิตอธิบายประเภทของวัสดุกราฟฟิกที่ใช้ในสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล พร้อมยกตัวอย่าง

ตู้อันตรทัศน์-ตู้แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ 
หุ่นจำลอง-โครงกระดูกปลาวาฬ
ป้ายนิเทศ-ข้อมูลสัตว์น้ำต่างๆ 
หุ่นจำลอง-ปลาชนิดต่างๆ และสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

ข้อ 5 ให้นิสิตบันทึกภาพของตนเองในขณะที่เยี่ยมชมสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล


ข้อ 7.1 ราชาและราชินีแห่งท้องทะเลคือสัตว์ชนิดใด
ราชาคือ ปลาฉลาม ราชินีคือทากทะเล

ข้อ 7.2 น้ำทะเลที่อยู่ในตู้ปลานำมาจากไหน
แสมสาร

ข้อ 7.3 ปลาเศรษฐกิจมีกี่ชนิด อะไรบ้าง

มี 11 ชนิด ได้แก่
ปลาค้างคาว
ปลานวลจันทร์
ปลาเฉลียบ
ปลานกกระลิง
ปลาหมอสีแก้มแดง
ปลากะพง
ปลาสร้อยนกเขา
ปลากะรัง
ปลาอินทรี
ปลาดุกทะเล
ปลาจาระเม็ด

ข้อ 7.4 บริเวณชั้นสองของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลมีการจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องอะไร และ มีสิ่งใดเป็นวัสดุกราฟฟิกบ้าง

บอกถึงวิวัฒนาการของสัตว์น้ำสายพันธุ์ชนิดต่างๆ บอกลักษณะ ที่อยู่อาศัย ต้นกำเนิด และจัดแสดงหุ่นจำลองของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

ข้อ 7.5 เต่าทะเลมีกี่ชนิดและใช้สื่อวัสดุกราฟฟิกใดในการนำเสนอ
เต่าทะเลมี 7 ชนิด 
เต่ามะเฟือง
เต่าตนุ
เต่ากระ
เต่าหลังแบน
เต่าหัวค้อน
เต่าหญ้า
เต่าหญ้าแอตแลนติก
โดยจัดแสดงโดยใช้ ป้ายนิเทศน์ และ หุ่นจำลอง 

ข้อ 7.6 หอยมีกี่ชนิดและใช้สื่อวัสดุกราฟฟิกใดในการนำเสนอ
หอยมี 2 ชนิด ฝาเดียว สองฝา เช่น นางรม เตาปุน แมลงภู่ มือเสือ เชลช์ จัดแสดงโดยใช้ป้ายนิเทศ

ข้อ 7.7 ม้าน้ำจะสังเกตุว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมียได้จากอะไร และใช้สื่อวัสดุกราฟฟิกใดในการนำเสนอ
แตกต่างกันที่กระเป๋าหน้าท้อง ตัวเมียจะปล่อยไข่ ส่วนตัวผู้จะตั้งท้อง

ข้อ 7.8 ระบบนิเวศวิทยาหาดหินจัดแสดงในชั้นใดของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลและใช้สื่อวัสดุกราฟฟิกใดในการนำเสนอ
ชั้นที่ 2 จัดแสดงโดยใช้ป้ายนิเทศ

ข้อ 7.9 ปลาวาฬในประเทศไทยมีกี่ชนิดและใช้สื่อวัสดุกราฟฟิกใดในการนำเสนอ
ปลาวาฬมี 11 ชนิด บรูด้า เพรชฆาตดำ เพรชฆาตเล็ก เพรชฆาต ฟิน หัวทุย ฟันเขี้ยวนำร่องครีบสั้น หัวแตงโม คูเวียว์ หัวทุยแคระ จัดแสดงโดยใช้ ป้ายนิเทศ

ข้อ 7.10 อาณาจักรสัตว์ในทะเลใช้กราฟฟิกใดในการนำเสนอ และ มีรายละเอียดอย่างไร
จัดแสดงโดยใช้ป้ายนิเทศ บอกรายละเอียดของต้นกำเนิดของสัตว์ทุกสายพันธุ์

ข้อ 7.11 สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลเป็นแหล่มทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทใด 
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทบุคคล - มีบุคลากรคอยให้ความรู้ตลอดการเข้าชม
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภททรัพยากรธรรมชาติ - จัดแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของสัตว์น้ำ
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทสื่อ – มีสื่อมากมายให้ความรู้ตลอดการเข้ารับชม

ข้อ 7.12 ให้นิสิตยกตัวอย่างแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทต่างๆมาอย่างละ5แห่ง พร้อมสถานที่ตั้ง
7.12.1.)พิพิธพัณฑ์สัตว์น้ำเค็ม
1.สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล - ที่ตั้ง อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยบูรพา
2.พิพิธพัณฑ์สัตว์น้ำราชมงคล - ที่ตั้ง บริเวณหาดราชมงคล ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง
3.สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง - ที่ตั้ง ต.เพ ริมอ่าวบ้านเพ อ.เมือง จ.ระยอง
4.พิพิธพัณฑ์สุตว์น้ำหว้ากอ - ที่ตั้ง หว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์
5.Underwater World Pattaya - ที่ตั้ง ถ.สุขุมวิท ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

7.12.2)พิพิํพัณฑ์สัตว์น้ำจืด
1.บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ - ที่ตั้ง อยู่ระหว่าง2จังหวัด คือ อ.หันคา จ.ชัยนาท / อ.เดิมนางบวช จ.สุพรรณบุรี
2.อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย - ที่ตั้ง ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม
3.สถานแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดสกลนคร - ที่ตั้ง สถานีประมงน้ำจืด ถ.ใสสว่าง จ.สกลนคร
4.สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด - ที่ตั้ง ถ.สุนทรเทพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด
5.สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดกรุงเทพมหานคร - ที่ตั้ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตบางเขน จ.กรุงเทพมหานคร








วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555



ภาพกิจกรรม 

เข้ารับการอบรมการใช้เทคโนโลยีการศึกษาที่สำนักหอสมุด

มหาวิทยาลัยบูรพา  วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


ประวัติความเป็นมาของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา



   สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นหน่วยงานส่งเสริมวิชาการของมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการ สารสนเทศเพื่อการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย พัฒนามาจากห้องอ่านหนังสือ ซึ่งเปิดบริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 โดยใช้ห้องเลขที่ 203 ในอาคารเรียนของวิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสน ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 ห้องสมุดได้ย้ายมาอยู่อาคารอำนวยการ โดยได้ใช้ห้องชั้นล่างของอาคารเป็นที่ปฏิบัติงานจนถึงปี พ.ศ. 2503 วิทยาลัยได้สร้างอาคารเรียนหลังใหม่เสร็จเรียบร้อย ห้องสมุดได้ย้ายอีกครั้งมาอยู่ในห้องโถงชั้นล่างของอาคารเรียนซีกหนึ่ง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 วิทยาลัยได้งบประมาณก่อสร้างอาคารหอสมุดเป็นเอกเทศ มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น และเปิดใช้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2516
    เมื่อวิทยาลัยวิชาการศึกษาได้รับการเปลี่ยนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศรีนคริน ทรวิ โรฒ วิทยาเขตบางแสน และมหาวิทยาลัยบูรพา ตามลำดับนั้น ในปีงบประมาณ 2536-2539 สำนักหอสมุดได้รับงบประมาณการก่อสร้างอาคารสำนักหอสมุดหลังใหม่สูง 7 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 11,500 ตารางเมตร และได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “อาคารเทพรัตนราชสุดา” และเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2538

สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพามีทั้งหมด 7 ชั้น ดังนี้

ชั้นที่ 1    มีโต๊ะ เก้าอี้สำหรับอ่านหนังสือ พักผ่อนหย่อนใจ และรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่มาใช้บริการ


ชั้นที่ 2    สมัครสมาชิกห้องสมุด,ยืม – คืน หนังสือ, ฝึกอบรมการสืบค้นฐานข้อมูล OPAC และฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์, ตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า, นำชมห้องสมุด,หนังสือภาษาต่างประเทศ, Book Show Room


ชั้นที่ 3    หนังสือภาษาไทย ปี พ.ศ. 2541 –ปัจจุบัน นวนิยาย เรื่องสั้น และหนังสือเด็ก
ชั้นที่ 4    วารสาร  หนังสือพิมพ์  จดหมายข่าว สืบค้นวารสารอิเล็กทรอนิกส์ 


ชั้นที่ 5    วิทยานิพนธ์  หนังสืออ้างอิง  หนังสือหายาก ห้องศึกษากลุ่ม ห้องศึกษาเดี่ยว และสารสนเทศภาคตะวันออก



ชั้นที่ 6    ชุดศึกษาเทป วีดิทัศน์  VCD/DVD  ซีดีรอมมัลติมีเดีย เทปเสียง UBC อินเทอร์เน็ต 
ศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต และมินเธียเตอร์



ชั้นที่ 7    หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี  , หนังสือภาษาไทย, หนังสือภาษาต่างประเทศ, หนังสือราชกิจจานุเบกษา


มุมนั่งอ่านหนังสือ มีในทุกชั้นของสำนักหอสมุด 
มหาวิทยาลัยบูรพา





การศึกษาดูงานที่สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา ในวันที่ กรกฎาคม 2555 นั้น 
ทำให้นิสิต-นักศึกษา ได้เรียนรู้วิธีการค้นคว้าฐานข้อมูลอย่างถูกต้อง รู้จักการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่ในสำนักหอสมุด รู้จักวิธีการยืม-คืน หนังสืออย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยได้รับคำแนะนำจากท่านวิทยากร จากสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา


ขอขอบคุณท่านอาจารย์ ว่าที่เรือตรี ดร.อุทิศ บำรุงชีพ และ ท่านวิทยากร เป็นอย่างยิ่ง 
ที่ได้ให้โอกาสนิสิตทุกคนได้เข้าอบรมการใช้เทคโนโลยีการศึกษาและให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่นิสิตชั้นปี 1 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาอังกฤษ




วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แบบฝึกหัด วิชา ๔๐๐๒๐๒

1. ประเภทของสื่อเทคโนโลยีการศึกษาที่แบ่งตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ได้กี่ประเภทอะไรบ้าง

ตอบ   ประกอบด้วย ๔ ส่วนคือ 
๑. สื่อโสตทัศน์
๒. สื่อมวลชน
๓. สื่ออิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม รวมคอมพิวเตอร์
๔. สื่อที่เป็นแหล่งวิทยาการ เช่น หอสมุด ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ เป็นต้น




2. ประเภทของสื่อเทคโนโลยีการศึกษาที่แบ่งตามลักษณะทั่วไปได้กี่ประเภท อะไรบ้าง จงหาภาพมาประกอบ
ตอบ   แบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้(De Kieffer, 1965) ได้แก่

1.สื่อประเภทใช้เครื่องฉาย (projected aids) เช่น 
1.1 สไลด์ใช้กับเครื่องฉายสไลด์
1.2 แผ่นภาพโปร่งใสกับเครื่องฉายภาพข้ามศรีษะ

1.3 ฟิล์มภาพยนตร์กับเครื่องฉายภาพยนตร์ เป็นต้น



2. สื่อประเภทไม่ใช้เครื่องฉาย (nonprojected aids) เช่น รูปภาพ แผนภูมิ แผนสถิติ ของจริง ของจาลอง เป็นต้น 
3.สื่อประเภทเครื่องเสียง (Audio aids) เช่นเทปเสียง แผ่นซีดี วิทยุเป็นต้น







3. ประเภทของเทคโนโลยีการศึกษาที่แบ่งตามประสบการณ์ เป็นของนักการศึกษาท่านใด และมีการจัดประสบการณ์จากนามธรรมไปสู่รูปธรรมโดยเริ่มต้นจากประสบการณ์ใดไปประสบการณ์ใดจงอธิบา



ตอบ   เอดการ์ เดล (Edgar Dale) ได้ จัดแบ่งสื่อการสอนเพื่อเป็นแนวทางในการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างโสต ทัศนูปกรณ์ และแสดงเป็นขั้นตอนของประสบการณ์การเรียนรู้และการใช้สื่อ นำมาสร้างเป็น “กรวยประสบการณ์” (Cone of Experience ) แบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้1. ประสบการณ์ตรง ซึ่งเป็นขั้นที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด เพราะผู้เรียนได้รับประสบการณ์จากของจริง สถานที่จริง2. ประสบการณ์รอง ผู้เรียนเรียนจากสิ่งที่ใกล้เคียงกับความจริงที่สุด3.ประสบการณ์นาฏกรรมหรือการแสดง เป็นการแสดงบทบาทสมมติ หรือการแสดงละคร4. การสาธิต เป็นการแสดงหรือกระทำประกอบคำอธิบาย5. การศึกษานอกสถานที่ ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ภายนอกที่เรียน6. นิทรรศการ เป็นการจัดแสดงสิ่งของต่างๆ การจัดป้ายนิเทศ7.โทรทัศน์ ใช่ส่งได้ทั้งระบบวงจรเปิดหรือวงจรปิด การสอนจะเป็นการสอนสดหรือบันทึกลงบนวีดิทัศน์8. ภาพยนตร์ เป็นภาพที่บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ลงบนฟิล์ม9. การบันทึกเสียง วิทยุ ภาพนิ่ง เป็นการฟังหรือดูภาพโดยไม่ต้องอ่าน10. ทัศนสัญลักษณ์ เช่น แผนภูมิ แผนที่ แผนสถิติ 11. วจนสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นขั้นนามธรรมมากที่สุด ได้แก่ ตัวหนังสือ เสียงพูด4. การสื่อสารหมายถึงอะไร-เป็นกระบวนการถ่ายทอด/แลกเปลี่ยนเรื่องราว ความต้องการ ความคิดเห็น ความรู้สึก ระหว่างผู้ส่ง-ผู้รับ ผ่านสื่อ ช่องทาง-ระบบเพื่อการติดต่อ รับส่งข้อมูล ซึ่งกันและกัน


5. สื่อและเทคโนโลยีการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารในองค์ประกอบใด จงอธิบาย

ตอบ  สื่อหรือช่องทาง คือ ประสาทสัมผัสทั้งหัว คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัสและตัวกลางที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เช่น สิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น


6. จงเขียนแบบจำลองของการสื่อสารของเดวิดเบอร์โล มาพอเข้าใจ

ตอบ   เดวิด เค เบอร์โล (David K. Berlo) เสนอแบบจำลองการสื่อสารไว้    เมื่อปี พ.. 2503 โดยอธิบายว่า การสื่อสารประกอบด้วยส่วนประกอบพื้นฐานสำคัญ 6 ประการ คือ

            1. ต้นแหล่งสาร (communication source)

2. ผู้เข้ารหัส (encoder)

3. สาร (message)

4. ช่องทาง (channel)

5. ผู้ถอดรหัส (decoder)

6. ผู้รับสาร (communication receiver)

จากส่วนประกอบพื้นฐานสำคัญ 6 ประการนั้น เบอร์โล ได้นำเสนอเป็นแบบจำลองการสื่อสารที่รู้จักกันดีโดยทั่วไปว่า "แบบจำลอง SMCR ของเบอร์โล"(Berlo's SMCR Model)โดยเบอร์โลได้รวมต้นแหล่งสารกับผู้เข้ารหัสไว้ในฐานะต้นแหล่งสารหรือผู้ส่งสาร และรวมผู้ถอดรหัสกับผู้รับสารไว้ในฐานะผู้รับสาร แบบจำลองการสื่อสารตามแนวคิดของเบอร์โลนี้ จึงประกอบไปด้วย S (Source or Sender) คือ ผู้ส่งสาร M (Message) คือ สาร C (Channel) คือ ช่องทางการสื่อสาร R (Receiver) คือ ผู้รับสาร ซึ่งปรากฎในภาพต่อไปนี้



7. อุปสรรคของการสื่อสารมีอะไรบ้าง

ตอบ   1. คำพูด (Verbalisn) 
          2. ฝันกลางวัน (Day Dreaming) 
          3. ข้ออ้างถึงที่ขัดแย้ง (Referent Confusion) 
          4. การรับรู้ที่จำกัด (Limited Perception)
          5. สภาพแวดล้อมทางกายภาพไม่เอื้ออำนวย (Physical Discomfort) 6. การไม่ยอมรับ (Inperception)


8. บทเรียน e-Learning เป็นส่วนใดขององค์ประกอบของการสื่อสาร

ตอบ   คือ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ สื่อระหว่างบุคคล คือผู้เรียนกับผู้สอน

9. ครูบอยกำลังสอนเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษเรื่อง Grammar ด้วยวีดิทัศน์กับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 จากข้อความดังกล่าวให้นิสิตเขียนแบบจำลองการสื่อสารของเดวิดเบอร์โล

ตอบ   ผู้ส่งสาร = ครูบอย 
          ข่าวสาร = เนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษเรื่อง Grammar
          ช่องทางการสื่อสาร = การแสดงโดยใช้วิดิทัศน์ โดยตาและหูเป็นช่องทางรับสาร
          ผู้รับสาร = นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1


10. การปฐมนิเทศนิสิตใหม่ ณ หอประชุมธำรงบัวศรี เป็นการสื่อสารประเภทใด

ตอบ   การสื่อสารกลุ่มใหญ่ (Large group Communication)